สิ่งที่พอจะขมวดหมู่ให้ ยูโร 2020 มีความเหมือนกันในปีนี้ได้ คือเรื่องการใช้ผู้เล่นดาวรุ่ง ล่าสุดสถิติของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ที่อายุน้อยที่สุด ถูกทำลายลงแทบจะทันทีด้วยพ่อหนุ่มโปแลนด์ แคชเปอร์ โคซลอฟสกี้ อายุ 17 ปี 246 วัน อ่อนวัยกว่าหนุ่มจู๊ด มากกว่า 100 วัน

พูดถึงการใช้ดาวรุ่ง บางทีม ฟุตบอล เป็นแกนหลักไปเลย บางทีมแต้มไว้เผื่ออนาคต บางทีมเป็นตัวแทนรุ่นพี่ หรือบางทีมไม่มีตัวให้เลือกแล้ว ถ้าจะให้บอกถึงทีมที่ม่วนชื่นที่สุด หนีไม่พ้น อิตาลี คลับมะกะโรนี

ลูกทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ หมดจดปลาหลดดองด้วยการเข้าวินที่แก้มก้นคู่แข่งเป็นจำนวน 7 กระตุกถ้วน และไม่ถูกดึงขอบกางเกงในให้เข้าวินบ้างเลยแม้แต่แปะเดียว-นี่กูเปรียบเทียบกับอะไรวะเนี่ย

จริงอยู่ที่ค่าอายุเฉลี่ยของอัซซูรี่ห่อทองทีมนี้ไม่ได้น้อยอย่างที่เกริ่น เพราะโดนบรรดาจอมเก๋าในแนวรับ แชร์ตัวเลขให้สูงปรี๊ดขึ้นไปหลายคน

ไล่ตั้งแต่ ซัลวาตอเร่ ซิริกู ที่ได้ลงสนามเกมกับ เวลส์ ล่าสุดอยู่เพียง 3 นาที โชว์ความสามารถสุดยอดด้วยการจับบอลด้วยฝ่าเท้าก่อนส่งคืนเพื่อน นั่นแหละ ทั้งเกมเขาอยู่ในเฟรมกล้องแค่นั้น

ซิริกู อายุ 36 ปี และนี่น่าจะเป็นโมเมนต์สุดท้าย หลังดมตูด จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน มาตลอดชีวิตการค้าแข้ง

คนที่อายุเท่ากันคือกัปตัน จอร์จิโอ้ คิเอลลินี่ ที่น่าจะมาเพื่อถือถ้วยแชมป์กลับบ้านเท่านั้นเลย

นอกจากนี้ก็มี เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ (34) ฟรานเชสโก้ อเซร์บี้ (33) หรือแนวรุกอย่าง ชิโร อิมโมบิเล่ (31) กับ ลอเรนโซ่ อินซิเญ่ (30) ที่มายืดแกนอายุของอิตาลีออกไป

แต่พูดถึงเรื่องอายุ อิตาลีมีความโชคดีอยู่หนึ่งข้อที่ อายุของแก๊งชายฉกรรจ์ อยู่ในวัยกำลังสดจัดปลัดมันชินี่บอกจริง ๆ

แดนกลางทั้งหมดที่แก่สุดคือ จอร์จินโญ่ จากเชลซี ที่ 29 ปีเท่านั้น พ่วงด้วย มาร์โก้ แวร์รัตติ (28) เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ (27) เรียกได้ว่ากำลังเฟี้ยว

ส่วนหนึ่งขอยกความดีความชอบให้กับ โรแบร์โต้ มันชินี่ ด้วยบทสัมภาษณ์ที่ว่า ชีวิตเขาอยู่กับคำว่า อิตาลี เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก มาโดยตลอด ไม่นึกว่าชีวิตนี้จะได้เห็นทีมบ้านเกิดของเขาตกรอบคัดเลือก

ทำให้เขารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะล้างท่อ เดี๋ยว ล้างทีมใหม่

ล้างที่หมายถึง การรีสตาร์ทระบบทีมแบบสิ้นเชิง อิตาลีในยุคของเขาจะเป็นอิตาลีเกมบุก เดินไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง มองกลับไปข้างหลังอย่างมีบทเรียน

เขาเลยเริ่มมองนักเตะที่มีชาติพันธุ์เกมรุกอยู่ในหัวจิตหัวใจ ซึ่งมันมีอยู่เยอะมากในลีกของตัวเอง

กัลโช่ เซเรีย อา เนี่ยผลิตสายจี๊ดจ๊าดไว้มากมาย เพียงแต่โดนสตาร์ทั่วโลกบดบังรัศมีเบ็ดเสร็จ

ยูเวนตุส มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เปาโล ดิบาล่า เอซี มิลาน ถูก ฮาคาน คัลฮาโนกลู กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิซ ปิดพื้นที่ข่าว หรือจะเป็นสคูเดตโต้แชมเปี้ยนล่าสุดอย่าง อินเตอร์ มิลาน ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวต่างชาติแทบทั้งนั้น

เมื่อ มันชินี่ ให้ความสำคัญกับเบอร์สองของยักษ์ใหญ่ หรือเบอร์หนึ่งตัวเอ้จากทีมเล็กฟอร์มแจ่มขนาดนี้ เด็กมันก็ถวายหัวให้อยู่แล้วเป็นของคู่กัน

ยิ่งเกมกับ เวลส์ ได้เห็นจิตสำนึกครีเอทีฟของ มาร์โก้ แวร์รัตติ แล้วบอกได้คำเดียวเลยว่า อิตาลี มึงอย่าได้พลาดเชียวนะปีนี้ มีคนแทง มีคนวิ่ง มีคนซ้อน คือครบหมด ทีมในฝันของเพลย์เมกเกอร์ทุกคนบนโลก

เพียงแค่สิทธิ์นั้นตกเป็นของ แวร์รัตติ ที่แทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แถมพูดภาษาเดียวกันเสียอีก

เมื่อกุนซือผมดอกเลาสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกทีมได้แล้ว สิ่งต่อมาคือการเติมสไตล์เข้าไป

ความสำเร็จกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ 10 ปีท่ีแล้วจะเห็นได้ชัดว่า เคมีของขงเบ้งรายนี้แทบไม่มีไดเรกต์บอลไปข้างหน้าให้ได้เห็นเท่าไหร่

ซึ่งมันก็ตรงกับสกิลของกองหลังที่เขาเอามา แก่ไม่พอ การผ่านบอลก็ห่วยแตก เราเลยได้เห็นการเคาะสั้นของพวกเขาเป็นหลัก ถ่ายออกข้างเท่านั้น ขนาดแก้เพรสซิ่งยังหมุนกันอยู่แบบนั้น ไม่ออกก็ป๊อกแป๊กไปเรื่อย

และการให้อิสระกับเกมรุกทุกตัวด้านบน อย่างที่เห็นกับ อินซิเญ่ ในเกมกับตุรกี หรือ แบร์นาร์เดสคี่ ในเกมกับ เวลส์ ป่วนจนเรียกใบแดงให้ อัมปาดู ช็อคตาตั้งไปนั่งแช่น้ำก่อนเพื่อน

ส่วนตัวรู้สึกชอบการเข้าทำนอกกรอบของ อิตาลี การครอสสุ่ม ๆ มีให้เห็นไม่มาก แต่จะเป็นการตะลุยทะลวงเข้าไปให้ถึงสุดเส้น หรือการม้วนเข้ากลาง พลางส่องไกลเลยมากกว่า

คิดถึงทีมชาติอังกฤษขึ้นมาทันใด

อังกฤษ ในมือของ แกเร็ธ เซาธ์เกต แทบไม่ต่างกับ อิตาลี เลย แถมค่าเฉลี่ยอายุน้อยกว่ามาก

ลักษณะผู้เล่น ทั้งกายภาพ และทัศนคติต่อเกม เรียกได้ว่าเข้มข้นกว่าลีกอิตาลีด้วยมั้งบางที

แต่สิ่งที่ เซาธ์เกต เลือกมาใช้ เลือกเติมวิธีการเพิ่มเข้าไป มันต่างกันด้วยคำว่า กึ๋น และมันสมองจริง ๆ

จริงอยู่ที่ อิตาลี ไม่มีฮาร์ดแมนแดนประหารอย่าง คาลวิน ฟิลลิปส์ ที่ออลอินวันมากกว่า จอร์จินโญ่ อยู่หลายขุม แถมหนุ่มเยาว์รุ่นกว่าหลายช่วง

แต่เอาตามบรรดาศักดิ์และความสามารถ ผู้เล่นแดนบนของ อิตาลี เป็นรอง อังกฤษ มาก ๆ จริง ๆ แต่ช่วยกันผลิตไปแล้ว 7 ดอก กลับกันที่พรรคพวกสิงโต ทำได้เพียงสองประตู จาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แค่หนึ่งเดียว

แฮร์รี่ เคน ที่ลำพังก็เหงาอยู่แล้ว ยิ่งเหงาเข้าไปใหญ่ ไม่มีใครเข้ากับสไตล์ของเขาได้ดีเท่ากับ ซอน เฮือง-มิน อีกแล้ว  ยกบทสัมภาษณ์ของ เวย์น รูนี่ย์ มายืนยันได้จริงว่า เซาธ์เกต บริหารทรัพยากรในมือของเขาผิดถนัด

ฟุตบอล

หมูบ้าเอฟเวอร์โตเนี่ยน บอกว่า ฟิล โฟเด้น มีความเป็น ซิตี้ และ เป๊ป อยู่ในตัวมากเกินกว่าจะมาเล่นในรูปแบบที่ เซาธ์เกต คาดหวัง

ฟุตบอล

ไม่ได้ลดทอนกำลังใจของหนุ่มหัวทอง แต่ รูนี่ย์ หมายถึงสไตล์การเล่นที่เขาเกิดมาเพื่อเล่นกับ ซิตี้ และรูปแบบการเข้าทำแบบนั้นเท่านั้น (ณ ตอนนี้) กับการเคาะสั้นกันอยู่หน้ากรอบเขตโทษ เป็น พาส แอนด์ มูฟ เคลื่อนที่กันอยู่ตลอดทุกคนในทีม

ด้วยความที่เคลื่อนที่กันหมด ทำให้ปรัชญา ฟอลส์ ไนน์ ของเป๊ป ใช้งานได้เต็มประสิทธิภูมิ

แต่มันไม่ใช่กับ ทีมชาติอังกฤษ โดยเฉพาะชุดนี้ ที่ โฟเด้น กลายมาเป็นริมเส้นสายกินตัว ซึ่งเขาทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก เวลาโดนรุมกินโต๊ะบีบจนทีละ 2 คน-จริงอย่างที่ รูนี่ย์ ว่าเป๊ะเลย

รูนี่ย์ แนะว่า ควรจะเป็น แจ็ค กรีลิช หรือ เจดอน ซานโช่ ที่มีบุคลิกเรียกตีนกองหลังคู่แข่งมากกว่า แล้วก็เปรยทิ้งท้ายว่า ลองตั้งแต่เกมกับ สาธารณรัฐเช็ค เลย

เหมารวมไปถึง เมสัน เมาท์ เลย ที่เขาอิสระเกินไป จนทับกับเพื่อนฝูงอยู่บ้างหลายจังหวะ ต่างกับเชลซี ที่ ทูเคิ่ล จะให้เขาอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นพิเศษ ลองเชื่อพี่เวย์นดูสักครั้งนะ เซาธ์เกต อย่าให้แฟน ฟุตบอล ทั่วโลกเขาพูดเลยว่า เห็นหมดทุกปัญหา แต่ทำไมผู้จัดการทีมไม่เห็น

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง นั่งเกาไข่อยู่เฉย ๆ บรรทัดนี้อาจทำให้เขาจามออกมาล็อตใหญ่โดยไม่ทราบสาเหตุ

เออร์เนสโต้ ภูมิภา ที่อยู่ในระหว่างกักตัว อาจจะเป็นด้วยเหมือนกัน เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นท่านนายกฯ สมยศ แห่งหมู่บ้านลูกหนังไทยล่ะ

อ้าว..นี่ตกลงเขียนถึงทีมชาติอะไรกันแน่