ยูโร 2020 จบไปแบบมีดราม่าเล็ก ๆ น้อย

แต่รางวัลดาวซัลโว ดันไม่พลิกโผแบบแปล่ง ๆ หน่อย เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลายเป็นเจ้าของรางวัลนี้ ด้วยผลงาน 5 ประตู ที่มาจากรอบแรกทั้งหมดไปเลย

ยิงสองประตูในช่วงท้ายเกม ในนัดแรกกับ ฮังการี หนึ่งประตูในเกมพ่าย โปรตุเกสและอีกสองประตูจากจุดโทษ ในเกมเสมอกับทีมชาติฝรั่งเศส  แม้ว่าเขาจะมีสถิติการทำประตูเท่ากับ แพทริค ชิค จากสาธารณรัฐเช็ค แต่จากกฎของ ยูฟ่า ที่กำหนดให้ผู้ที่มีแอสซิสต์มากกว่า เป็นผู้ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำไปครอง ทำให้ โรนัลโด้ ที่มี 1 แอสซิสต์ให้กับ ดิโอโก้ โจต้า ในรอบแรก คว้ารางวัลเหนือศูนย์หน้าจาก เช็ค ไป  แฮร์รี่ เคน และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แอบหวังไว้เล็ก ๆ ต่างต้องทำประตูให้ได้มากกว่าโรนัลโด้เท่านั้น เพื่อปาดหน้าคว้ารางวัลนี้ไปครอง แต่พวกเขาทำไม่ได้

โรนัลโด้ ทำ 5 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 360 นาที ซึ่งน้อยกว่าทั้ง เคน และ สเตอร์ลิ่ง ที่ลงเล่นมากกว่า 600 นาทีในรายการนี้ แม้ว่าจะยิงได้เท่ากัน และมีแอสซิสต์มากกว่าอยู่ดี  แวะมาหายใจในยูโร 4 เกม สร้างสถิติมากมาย อันแรกคือ การทำประตูเทียบเท่ายอดดาวยิงทีมชาติอิหร่าน อย่าง อาลี ดาอี ที่จำนวน 109 ประตู

แม้ว่าจะยังทำลายสถิติลงด้วยการแซงไม่ได้ทันที แต่ยังมีโอกาสอีกมากที่เขาจะลงเล่นในนามทีมชาติ ซึ่งหมายถึงฟุตบอลโลกหนต่อไปของเขาด้วย 

พร้อมกันนี้เขายังเป็นคนแรก ที่ทำประตูได้ใน ยูโร 5 ครั้งติดต่อกัน พ่วงจำนวนประตูที่มากที่สุดที่ 14 ประตู แซงหน้า มิเชล พลาตินี่ ตำนานทีมชาติฝรั่งเศส ที่ทำไว้ที่ 9 ประตูกรุบกริบ  สามประตูจากจุดโทษในรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้จากจุดโทษมากที่สุดที่ 3 ประตู โดยไม่นับการดวลลูกโทษที่จุดโทษ

ยังมีอีก เขาทำประตูได้มากกว่า 2 ประตู ในจำนวนนัดที่มากที่สุดที่ 4 นัดตลอดการเล่นในศึกชิงแชมป์ยุโรปอีกต่างหาก มากกว่าใครอื่นที่ซัดเบิ้ลได้จริง แต่สะสมจำนวนครั้งการซัดเบิ้ลยอดหน้าคู่แข่งได้มากครั้งไม่เท่าคุณโด้

นอกเหนือจากสถิติการทำประตูแล้ว ยังมีสถิติที่สุดยอดอีกมากมายเกิดขึ้นจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่นคือการลงสนาม เขาลงสนามติดต่อกัน 5 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2004 ที่โปรตุเกส เป็นเจ้าภาพนู่นเลย

มากที่สุดในการแข่งขันของผู้ชาย เอาชนะซูเปอร์สตาร์ชั้นนำมากมาย ที่ทำไว้มากที่สุดเพียง 4 ครั้ง ไล่ชื่อคงเหนื่อยตาย เอาเป้ง ๆ หน่อยก็ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล โลธาร์ มัตเธอุส เป็นต้น  แต่ยังมีคนที่มากกว่าเขาคือ ดาวเตะทีมชาติอิตาลี อย่าง คาโรลิน่า โมราชี่ ที่ 6 สมัย แต่เธอเป็นผู้หญิง เป็นการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในประเภทหญิง (นะจ๊ะ)

นะจ๊ะพ่อมึงสิ-อารมณ์มาเต็ม  ถ้านับเฉพาะแมตช์แข่งขัน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังลงสนามมากที่ที่สุดที่จำนวน 24 นัด เหนือกว่าทั้ง บาสเตียน ชไวสไตเกอร์ ที่ 18 นัด และ เจียนลุยจิ บุฟฟ่อน ที่ 17 นัด

นับรวมไปถึงทุกรอบตั้งแต่รอบคัดเลือกด้วย โรนัลโด้ ทำสถิติไว้เทียบเท่ากับ บุฟฟ่อน ที่จำนวน 58 นัด พร้อมด้วยจำนวนนัดที่เป็นกัปตันทีมอีก ที่มากที่สุดที่ 16 นัด  ลึกลงไปถึงเฉพาะแมตช์ที่ชนะ ยังสะสมไปมากถึง 11 นัด แซงตำนานของทีมชาติสเปน ทั้ง อันเดรียส อิเนียสต้า และ เชส ฟาเบรกาส เช่นเดียวกัน

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีโอกาสที่จะทำลายสถิติอีกมากมาย ถ้าเกิด เขายังอยู่กับ ทีมชาติโปรตุเกส ในยูโรหนต่อไป ในปี 2024 ซึ่งเขาจะมีอายุ 39 ปี  ดาหน้าทำลายสถิติของ เยนส์ เลห์มันน์ ผู้รักษาประตูจากเยอรมัน ที่มีส่วนร่วมกับทีมชาติด้วยอายุที่มากที่สุดที่ 38 ปี 232 วัน

รวมถึงสถิติผู้เล่นในสนามที่อายุมากที่สุด ของ โลธ่าร์ มัตเธอุส ที่ 39 ปี 91 วัน-เอากับเขาสิ  ถ้าทำประตูได้อีกก็จะมากกว่า อิวิก้า วาสติก จาก ออสเตรีย ที่เคยทำไว้ในอายุ 38 ปี 257 วัน เมื่อปี 2008 และยิ่งถ้าไปถึงแชมป์ยุโรปอีกสมัย เขาก็จะทำลายสถิติของ อาร์โนลด์ เมอร์เรน ที่เคยทำไว้กับ เนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 1988 ในวัย 37 ปี 23 วันอีกด้วย

เขาไม่อาจเก็บไปได้ทุกสถิติบนโลก แม้ว่าในวงการลูกหนัง จะมีชื่อเขาปักแหล่นไว้ทั่วทุกมุมโลกไปแล้ว

อาจจะสอนชีวิตเราได้นิดหน่อยว่า ไม่มีทางที่เขาจะจีรังตลอดไป สักวันหนึ่งบางตัวเลขที่เขาครองอยู่ ย่อมถูกลบแล้วเปลี่ยนเป็นชื่อคนใหม่

ตราบที่เขาหมดสิทธิ์จะมารักษาสถิติใด ๆ ไว้ได้ด้วยตัวเอง

ไม่มีใครหนีสัจธรรมที่เรียกว่า แก่ ไปได้ โรนัลโด้ก็เช่นกัน แต่วันนี้เขายังไม่แก่เกินที่จะสร้างสถิติให้มากที่สุดก่อนรีไทร์

มีสถิติหนึ่งที่เขาทำไม่ได้แน่ ๆ ฟันธงด้วยความมั่นใจ