ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาไม่ได้เติบโต มาด้วยชีวิตที่เรียบหรูอยู่สบายเหมือนเด็กคนอื่นๆ และจากการที่ เมืองราดอมมิชนั้นเป็นเมืองที่เงียบสงบ ไม่ได้แสงสีอะไร ให้ดึงดูดใจมากนัก ทำให้ความสุขเล็กๆที่ ซินเชนโก้ จะหาได้นั่นคือ ฟุตบอล ทำให้เขาได้คลุกคลี อยู่กับมันตั้งแต่วัยกระเตาะ และได้เริ่มเข้าสู่เส้นทางอาชีพลูกหนังกับทีมอะคาเดมี่ของ คาร์ปาติย่า ราดอมมิช ทีมท้องถิ่นตั้งแต่วัย 8 ขวบ

ซินเชนโก้ ก็เป็นเหมือนเด็กคนอื่นๆที่มีไอดอลเป็น อังเดร เชฟเชนโก้ ดาวยิงตำนานทีมชาติยูเครน และมีความฝันว่าอยากจะเป็น เชว่า คนต่อไป “เขาเป็นไอดอลของผม และทุกๆคนในยูเครนจริงๆนะ เขาคว้าบัลลงดอร์กับเอซี มิลาน เชฟเชนโก้คือตำนานที่ยังมีลมหายใจ”

มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ ใช้เวลากว่า 4 ปีอยู่กับคาร์ปาติย่า ราดอมมิช ก่อนถูกตามส่องโดยแมวมองจาก โมโนลิท อิลลิชิฟส์ สโมสรเยาวชนและเขาก็สามารถสร้างความประทับใจ ให้แก่สโมสรใหม่ได้ทันที จนผลงานไปเตะตาสโมสรยักษ์ใหญ่ระดับประเทศอย่าง ชัคตาร์ โดเนตสค์ ที่ดึงไปร่วมทีมอะคาเดมี่ในที่สุด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้เขาเดินทางมาถึงวันนี้ได้

จนกระทั่งปี 2015 หลังจากเจ้าตัวอพยพหนีสงครามไปอยู่ที่ประเทศรัสเซีย แล้วนั้นก็ทำให้เขาได้เซ็นสัญญาร่วมทัพกับ เอฟซี อูฟา และประเดิมเล่นกับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกทันที พร้อมกับโชว์ฟอร์มเด่นจนถูกยะให้เป็นหนึ่งในดาวรุ่งน่าจับตามองมากที่สุดของสโมสรในเวลานั้น

แม้จะโลดแล่นในแดนหมีขาวเพียงปีเดียว แต่ศักยภาพของซินเชนโก้ พุ่งแรงเสียจนไปเตะตาหลายสโมสรทั่วยุโรป โดยหนึ่งในนั้นประกอบด้วยยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะกระชากตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จในปี 2016

อย่างไรก็ตามเส้นทางของเขากับ “เรือใบสีฟ้า” ต้องประสบกับชะตากรรมที่ยากลำบาก ในช่วงแรกไม่สามารถขึ้นมาเบียดแย่งตำแหน่งกับบรรดา เหล่าซูเปอร์สตาร์ของทีมได้ จนถูกปล่อยให้ พีเอสวี ยืมใช้งาน ในช่วงแรก

แต่โชคชะตาก็เข้าข้าง เขาอยู่บ้างหลังจากเจ้าตัวกลับมาถิ่นเก่าอีกครั้งก็ถูก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถอยไปยืนเป็นแบ็กซ้ายจำเป็น หลังจากแข้งตัวหลักอย่าง เบ็นจาแม็ง เมนดี้และฟาเบี่ยน เดลฟ์ มีอาการบาดเจ็บ

และจากการที่เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ซินเชนโก้ ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งถึงแม้ตำแหน่งแบ็คซ้ายจะเป็นปัญหาปวดหัวของเป๊ปมาโดยตลอด เขากลับมาอุดรอยรั่วได้อย่างไร้กังขา แต่แล้วการฉายแสงของซินเชนโก้ ทำให้เป๊ปได้สิ่งที่ล้ำค่ามากกว่าตัวแทนชั่วคราวของเมนดี้ เขาดีพอที่จะก้าวไปพร้อมกับซิตี้โดยไม่ทิ้งให้เป็นจุดบอดของทีม ก่อนเจ้าตัวมีส่วนช่วยแมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าทริปเปิ้ลแชมป์เมื่อซีซั่น 2018/19 และเตรียมสร้างประวัติศาสตร์ต่อไปในซีซั่นนี้

แม้ว่าสุดท้ายแล้วเจ้าตัวจะไม่ได้เติบโตมาเป็นนิว “อันเดร เชฟเชนโก้” อย่างที่หวังไว้ในวัยเยาว์ แต่เชื่อว่าวันนี้ ซินเชนโก้ได้แสดงให้โลกเห็นแล้วว่า เขานี่แหละคือความงดงามของวงการฟุตบอลยูเครนในชั่วโมงนี้