ศึกลูกหนัง ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เอ ประจำซีซั่น 2020/21 ได้ทีมเข้าสู่รอบสุดท้ายครบ 4 โควตาเรียบร้อย โดย อิตาลี กับ เบลเยียม เป็นสองทีมสุดท้ายที่ได้ตั๋วไปครอง ในฐานะแชมป์กลุ่ม 1 และ 2 ตามลำดับ และนี่คือโฉมหน้าทั้ง 4 ทีมที่เตรียมไปฟาดแข้งในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งจะทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 6-10 ตุลาคม ปีหน้า ส่วนชาติเจ้าภาพและผลการประกบคู่รอบตัดเชือก จะได้รับการยืนยันหลังการประชุมของบอร์ดบริหาร ยูฟ่า วันที่ 3 ธันวาคมนี้

อิตาลี

    ทัพ “อัซซูร์รี่” ที่มีกรีแชมป์โลก 4 สมัย กลับมาผงาดอีกครั้งในยุคกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ โดยพวกเขาการันตีคว้าแชมป์กลุ่ม 1 ด้วยสถิติไร้พ่าย (ชนะ 3 เสมอ 3) หลังบุกไปเชือดนิ่ม บอสเนียฯ 2-0 ในนัดสุดท้าย เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา แม้ อิตาลี ชุดปัจจุบัน ไม่ได้อุดมไปด้วยนักเตะระดับเวิลด์คลาสเหมือนในอดีต แต่ก็มีส่วนผสมที่ลงตัวเลยทีเดียว ระหว่างกลุ่มแข้งพลังหนุ่มกับตัวเก๋าประสบการณ์ และแน่นอนว่า พวกเขาเป็นทีมที่ไม่อาจมองข้ามได้ สำหรับการแข่งขันรอบ 4 ทีมสุดท้าย

เบลเยียม

    ทีม “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ชุดโกลเด้นเจเนอเรชั่น มีโอกาสแล้วที่จะคว้าแชมป์แรกในเวทีระดับนานาชาติ ถึงแม้ไม่ใช่โทรฟี่ระดับเมเจอร์อย่าง ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ หรือ ยูโร ก็ตาม โดย เบลเยียม ของกุนซือ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่ปัจจุบันรั้งเบอร์ 1 ใน ฟีฟ่า แรงกิ้ง ผงาดคว้าแชมป์กลุ่ม 2 ได้อย่างสุดหรู ด้วยสถิติชนะ 5 แพ้ 1 หลังลงเตะเกมชิงตั๋วกับ เดนมาร์ก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา และคว้าชัยด้วยสกอร์ 4-2 พร้อมกับเป็นทีมที่ทำประตูมากสุดในศึก เนชั่นส์ ลีก เอ ครั้งนี้ด้วย (16 ลูก) ซึ่งด้วยผลงานระดับนี้ มันอาจถึงเวลาแล้วที่ เบลเยียม จะได้ผงาดในเวทีระดับนานาชาติเสียที กับการที่มีแข้งระดับโลกอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์ และ โรเมลู ลูกากู นำทัพ 

ฝรั่งเศส 

    ทีม “เลส์ เบลอส์” ลุ้นคว้าเกียรติยศระดับนานาชาติอีกหนึ่งรายการ หลังจากที่ได้มาหมดแล้ว ทั้ง ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ, ยูโร และ ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ โดย ฝรั่งเศส ภายใต้การนำทัพของกุนซือ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ คว้าแชมป์กลุ่ม 3 ได้อย่างเหนือชั้น ด้วยสถิติไร้พ่าย แถมเป็นการคว้าชัยชนะได้ถึง 5 ครั้ง และที่สำคัญพวกเขาการันตีคว้าตั๋วได้ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน ด้วยการบุกไปโค่นทีมแชมป์เก่าอย่าง โปรตุเกส 1-0 จากประตูชัยของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ซึ่งด้วยขุมกำลังชุดนี้ของ “ตราไก่” ที่แข็งแกร่งทุกตำแหน่ง แถมมีสตาร์ดังล้นทีม ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้า ดูแล้วพวกเขามีโอกาสคว้าแชมป์ไม่น้อยเลยทีเดียว 

สเปน

    ถือเป็นอีกหนึ่งชาติใหญ่ที่ลุ้นเพิ่มความสำเร็จในเวทีระดับนานาชาติ หลังจากที่ได้แชมป์ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ และ ยูโร มาแล้ว โดยทัพ “กระทิงดุ” พลังหนุ่มของกุนซือ หลุยส์ เอ็นรีเก้ พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายคว้าแชมป์กลุ่ม 4 ได้แบบสุดระห่ำ เพราะเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา พวกเขาไม่เพียงเขี่ยทีมแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง เยอรมนี ตกมาเป็นที่สองเท่านั้น แต่เป็นการไล่กระซวกโหดทัพ “อินทรีเหล็ก” ด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 6-0 ด้วย แม้ สเปน ชุดนี้ เต็มไปด้วยนักเตะรุ่นใหม่ แต่บอกเลยว่า คุณภาพไม่ธรรมดา โดยเฉพาะตัวรุกดาวรุ่งจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่าง เฟร์ราน ตอร์เรส ผู้ที่กดแฮตทริกใส่ เยอรมนี และ ดานี่ โอลโม่ สตาร์จาก แอร์เบ ไลป์ซิก แถมยังคงมีพี่ใหญ่อย่าง เซร์คิโอ รามอส คุมแดนหลัง