ลิเวอร์พูล เกือบจะได้แค่หนึ่งคะแนนอยู่แล้ว แต่มาสุดยอดฮีโร่อย่าง อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่ขึ้นมาโขกประตูชัยในช่วงวินาทีสุดท้ายให้ “หงส์แดง” บุกมาแซงเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อย่างเหลือเชื่อ 2-1 เก็บสามแต้มล้ำค่า ไล่จี้อันดับ 4 อย่าง เชลซี แค่แต้มเดียว ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สนาม : เดอะ ฮอว์ธอร์นส์

เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ระหว่างเจ้าบ้าน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อันดับ 19 ที่ร่วงตกชั้นไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพฤดูกาลหน้าแล้ว พบกับ ลิเวอร์พูล อันดับ 5 โดยฟอร์มล่าสุดของทั้งคู่นั้น “เดอะ แบ็กกี้ส์” บุกไปพ่ายอาร์เซน่อล 1-3 ส่วน “หงส์แดง” งัดฟอร์มเฉียบบุกไปอัด “ผีแดง” ถึงโอลด์แทรฟฟอร์ด 4-2 ทำให้ยังได้ลุ้นโควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกต่อไป

แซม อัลลาไดซ์ เกมนี้ให้ ฮัล ร็อบสัน-คานู ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงโดยมี คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ยืนหน้าต่ำปั้นเกมร่วมกับ แมตต์ ฟิลลิปส์ และมาเตอุส เปไรร่า

ส่วนทางฝั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ เจอข่าวร้ายเมื่อต้องเสีย ดีโอโก้ โชต้า ที่พักยาวชวดช่วยทีมช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ เกมนี้ส่ง ซาดิโอ มาเน่ ลงเล่นตัวจริงหลังเกมแดงเดือดล่าสุดหลุดเป็นสำรอง โดยจะล่าตาข่ายร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ ที่เหมาสองประตูในเกมล่าสุด ซึ่งเกมนี้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีม

เปิดฉากมาแค่ 3 นาทีแรก “หงส์แดง” ได้โอกาสจากจังหวะที่ ติอาโก้ ซัดนอกกรอบไปติด เซมี่ อจายี่ ออกหลังก่อนที่ เทรนท์ จะเปิดเตะมุมมาให้ แนท ฟิลลิปส์ โขกหลุดกรอบออกไป

ลูกทีมของ คล็อปป์ ยังไล่บี้กดดันต่อเนื่องนาทีที่ 6 คราวนี้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดคอนเนอร์มาเข้าหัว เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ อีกครั้ง และเจ้าตัวก็โขกไม่ตรงกรอบอีก

นาที 10 โอกาสแรกของ “แบ็กกี้ส์” เกือบได้ลุ้นขึ้นนำเหมือนกัน มาเตอุส เปไรร่า เก็บบอลจากลูกเซ็ตเพลย์ก่อนตักจากด้านซ้ายไปเสาไกลให้  โอคาย โยคุสลู เทกตัวสะบัดบอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว

นาที 15 กลายเป็นเจ้าบ้าน เวสต์บรอมวิช ชิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะสวนขึ้นมา มาเตอุส เปไรร่า แทงทะลุช่องให้ ฮัล ร็อบสัน-คานู หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแปด้วยขวาเสาแรกผ่านมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ เข้าไป

นาที 24 ลิเวอร์พูล ชวดโอกาสไล่ตีเสมอ หลังบอลต่อขึ้นมาอย่างสวยงาม เทรนท์ให้ ฟาบินโญ่ ชิงเร็วทะลุให้ ติอาโก้ ปาดจากเส้นหลังมาให้ ซาดิโอ มาเน่ โฉบมาซัดถากเสาแรกออกไปอย่างน่าเสียดาย

อีก 4 นาที ถัดมา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จ่ายบอลมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อัดด้วยซ้ายแต่ยังไม่ผ่านมือ แซม จอห์นสโตนส์

นาที 33 “หงส์แดง” มาทวงประตูตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน่ จ่ายบอลยัดเข้ากลางให้ ฟีร์มีโน่ จับบอลห่างไปโดน เกรดี้ เดียงกาน่า ตัดบอลทว่า เดียงกาน่า จ่ายคืนหลังสั้นไปโดน มาเน่ ตามมาแย่งบอลไปได้แล้วชิ่งเร็วให้ ซาลาห์ วิ่งมาแปด้วยซ้ายพุ่งเสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาด

อีกสองนาทีถัดมา ลิเวอร์พูล ชวดได้ประตูแซงขึ้นนำหลัง โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ ได้บอลหลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายแต่ดันยิงไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

นาที 36 บอลโต้กลับของ เวสตร์บรอมวิช เกือบได้ลุ้นขึ้นนำอีกครั้ง คราวนี้ ดาร์เนลล์ เฟอร์ลอง โขกเช็ดให้ ร็อบสัน-คานู หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดด้วยซ้ายแต่ยังมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตามมาบล็อคช่วยทีมไว้ได้หวุดหวิด

จบครึ่งแรก เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1

ครึ่งหลัง นาที 50 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ครอสจากด้านขวาเข้าไปให้ ซาดิโอ มาเน่ พุ่งเข้าชาร์ทส่งบอลเข้าก้นตาข่ายไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ประตูเนื่องจาก มาเน่ ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อน

นาที 57 “หงส์แดง” สวนกลับขึ้นมาเร็ว เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พาบอลควบขึ้นมาเองก่อนแทงทะลุให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ยังไปตรงตัว แซม จอห์นสโตนส์ รับไว้ไม่พลาด

นาที 71 แบ็กกี้ส์เปิดคอนเนอร์มาให้ ซามี่ อาจายี่ โขกเช็ดต่อให้ ไค บาร์ตลี่ย์ วิ่งสอดเข้าไปจิ้มบอลเข้าตาข่าย ทว่าผู้ตัดสินเช็กกับวีเออาร์แล้วไม่ให้ประตูเนื่องจาก แมตต์ ฟิลลิปส์ ไปยืนขวางการเล่นของ อลีสซง เบ็คเกอร์ก่อนทำให้สกอร์ยังเสมอกัน 1-1 เหมือนเดิม

อีกสามนาทีถัดมา “หงส์แดง” ได้เสียวบ้าง ติอาโก้ แทงต่อให้ ฟีร์มีโน่ เลี้ยงแหวกเข้าไปซัดมุมแคบแต่บอลไปเข้าข้างตาข่าย

นาที 79 ทีมเยือนมาได้ลุ้นอีกคราวนี้ เซอร์ดาน ชากิรี่ ผ่านบอลให้ ติอาโก้ ซัดด้วยขวานอกกรอบพุ่งหลุดเสาออกไปนิดเดียว

นาที 83 เทรนท์ ทิ้งโอกาสทองที่จะได้ประตูหลัง โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ ผ่านบอลมาคมกริบให้ เทรนท์ ดึงเข้าซ้ายแต่ซัดเหินคานไปอย่างน่าเสียดาย

แต่แล้ว นาที 90+4 “หงส์แดง” มาทำสิ่งเหลือเชื่อเมื่อ อลีสซง เบ็คเกอร์ ขึ้นมาโขกบอลตุงตาข่าย เป็นประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1 ในช่วงเกือบวินาทีสุดท้าย

ก่อนผู้ตัดสินจะเป่าจบเกมเป็น ลิเวอร์พูล บุกมาแซงคว้าชัยเหนือ เวสต์บรอมวิช 2-1 คว้าสามแต้มล้ำค่าออกไปมีเพิ่มเป็น 63 คะแนน ร้งอันดับ 5 ตาม เชลซี อันดับ 4 แค่แต้มเดียวเท่านั้น โดยเหลือโปรแกรมอีกสองเกมสุดท้าย