อิตาลี ของกุนซือโรแบร์โต้ มันชินี่ ยังแรงดีไม่มีตกเล่นเกมรุกแลกหมัดเบลเยียมสุดมันส์ ได้ประตูขึ้นนำก่อน 2-0 จากนิโกโล่ บาเรลล่า นาที 31 และลอเรนโซ่ อินซิเญ่ นาที 44 ก่อน โรเมลู ลูกากู ซัดจุดโทษ ตีตื้น 2-1 นาที 45+2 อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังแม้ทัพปิศาจแดงยุโรปจะพยายามอย่างหนักแต่ไม่สามารถแก้ประตูคืนได้ ต้องปราชัย 2-1 ปล่อยอิตาลี ทำสถิติชนะรอบสุดท้าย 5 นัดติดเป็นครั้งแรก ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบสเปนต่อไป
อิตาลี เพิ่งเสียสถิติไม่เสียประตูติดต่อกันจากนัดเบียดชนะออสเตรียในช่วงต่อเวลา 2-1 ในรอบที่แล้ว แต่พวกเขายังรักษาสถิติยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร 31 นัดติดต่อกันไว้ได้ ส่วน เบลเยียม ยังคงแข็งแกร่งหลังโค่นเต็งแชมป์โปรตุเกสมา 1-0
อิตาลีสภาพทีมสมบูรณ์มาก นัดนี้ โรแบร์โต้ มันชินี่ เปลี่ยนทีมแค่ตำแหน่งเดียว ให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า เล่นเป็นตัวจริงก่อน โดเมนิโก้ เบราร์ดี้
ขณะที่เบลเยียม ได้ เควิน เดอ บรอยน์ ฟิตกลับมาทันเป็นตัวจริง แต่เอแด็ง อาซาร์ หายไม่ทัน ไม่มีชื่อแม้ในซุ้มม้านั่งสำรอง คนที่ได้รับโอกาสเล่นแทนเขาคือ เจเรมี่ โดกู จากแรนส์
นาทีที่ 13 อิตาลียิงเข้าแต่ VAR ให้ล้ำหน้าไปก่อน จากฟรีคิก อิตาลีทำประตูได้บอลเปิดมาแฉลบคิเอลลินี่ที่เสาแรก เลยมาเข้าทางโบนุชชี่ที่เสาสองแตะบอลเข้าประตูไป แต่สุดท้าย VAR ตัดสินไม่ให้เป็นประตูเนื่องจากล้ำหน้าไปก่อนแล้ว สกอร์ยัง 0-0
นาทีที่ 28 อิตาลีบุกหนัก, อินซิเญ่ยิงลูกถนัดเกือบเข้า อิตาลี ยังบุกต่อเนื่อง คราวนี้เป็นโอกาสของ อินซิเญ่บ้าง ลูกพลิกเข้าขวาแล้วปั่นเล่นเสาไกล หลุดคานออกหลังได้ลุ้น
นาทีที่ 31 บาเรลล่าแหวกตะบันเต็มข้อ อิตาลีนำ 1-0 อิตาลี ทำสำเร็จขึ้นนำ 1-0 จนได้ จังหวะแฟร์ต็องเก้น ตัดบอลได้แต่ไปทำเสียหน้าเขตโทษ บอลไปจบที่บาเรลล่า แหวกชนะกองหลังตะบันเต็มข้อส่งบอลผ่านมือคูร์กตัวส์ เข้าประตูไปอย่างยอดเยี่ยม
ข่าวร้ายอิตาลี สปินาซโซล่า ที่กำลังท็อปฟอร์มเกิดเจ็บหนักต้องหามขึ้นเปลจังหวะวิ่งควบแย่งบอล
เป็นเอเมอร์ซอน ที่ลงเล่นแทนนาทีที่ 79