เอดินสัน คาวานี่ กลายเป็นความหวังสุดท้ายที่สุกสกาวไปเสียแบบนั้น

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่มีสิทธิ์เลือกมากนักในเส้นทางชีวิตพ่อค้าแข้งที่กำลังเหลืออยู่อีกไม่มาก

อายุอานามทำให้เขาเผื่อตัวเลือกที่บ้านเกิดไว้รอวันสิ้นสุด

แถมมีสโมสรใหญ่อย่าง โบคา จูเนียร์ส พร้อมให้การต้อนรับ ยิ่งกว่าอ้าแขน อาจจะขยับขาเป็นรูปตัวเอ็ม รอ คาวานี่ มาสวมใส่(เสื้อแข่งขันของสโมสร)อยู่ก็ได้

แต่สิ่งที่ทำให้ เอดินสันคาวานี่ เป็นเหมือนบรรทัดแรก นั่นคือ ความเป็นมืออาชีพ

ตลอดการมาเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นว่าเขาสร้างมาตรฐานให้มีระดับมากขึ้น ทั้งในและนอกสนาม

ในสนามก็อย่างที่เห็น เอดินสันคาวานี่ ใช้ร่างกายตลอดเวลา ทั้งที่มีบอล และกับส่วนใหญ่ที่ไม่มีบอล

เอดินสันคาวานี่ เป็นกองหน้าประเภทโป้งปิดบัญชี เราได้เห็นการจบสกอร์ที่คมกว่าดาบสปาร์ต้าอยู่เสมอ

ตลอดการค้าแข้ง เขาอยู่เคียงข้างยอดทีมที่พร้อมจะถวายพานยักษ์ให้สไตรเกอร์คนนี้เชือด

ประเภทเดียวกับประกันโควิด-19 บ้านเราเด๊ะ “เจอ จ่าย จบ” คาวานี่ ก็จะอยู่ในข้อหลังนั่นแหละ-โยงไปเกี่ยวกันได้ยังไงวะเนี่ย?

คาวานี่.

ซึ่งการมา ยูไนเต็ด ช่วงแรกเขาเจอปัญหาใหญ่ ที่ไม่ใช่เรื่องการปรับตัว

แต่เป็นอุปสรรคในการมองหาคนถวายพานยักษ์ ที่เคยได้อยู่เสมอที่ต้นสังกัดก่อนหน้า

จะเห็นกันอยู่แล้วว่า เคมีของเวิลด์คลาส ถูกคัดหลั่งจาก บรูโน่ แฟร์นันเดส มาใช้งานในเวลาเดียวกันที่มี เอดินสัน คาวานี่ อยู่

ขณะที่คนอื่นในทีมไม่มีหัวเชื้อของเคมีชนิดเดียวกัน

เอดินสันคาวานี่ จึงค่อนข้างโดดเดี่ยว วิ่งฟรี วิ่งเปล่าจนเหนื่อยหอบอยู่ในใจบ้างแหละ

แต่เมื่อ เอดินสันคาวานี่ รู้จักยูไนเต็ด มากขึ้น เขาก็เริ่มที่จะเพิ่มบทบาทให้ทีม เป็นประหนึ่งตัวหลอก เพื่อให้เพื่อนได้มีโอกาสเข้าทำมากขึ้น

และก็พรางเป็นผู้สร้างเองเช่นกัน ลงมาล้วงบอล ช่วยเพรซซิ่งเสียลืมอายุ

นอกสนามก็ทำให้รุ่นน้องได้เกรงขามกับการใช้ชีวิต ว่าถ้าอยากจะยิ่งใหญ่แบบ เอล มาทาดอร์ นักธนูล่าพรหมจรรย์ แบบ คาวานี่ จะต้องวางตัวแบบไหน

ก็ได้แต่หวังว่าเด็ก ๆ ในทีมจะได้ เอดินสันคาวานี่ ไปเป็นไอดอลบ้าง สักทางก็ยังดี

จะว่าไป ตลอดที่ผ่านมา ยูไนเต็ด จั่วไพ่ลายครามมาสู้ในช่วงกลางฤดูกาลอยู่ตลอด

มีทั้งคนที่ได้รับการยอมรับด้วยฝีมือ ด้วยผลผลิตบนผืนหญ้า หรือก็มีเหมือนกันที่ออกไปจากโรงละครแห่งความฝันแบบเหงา ๆ

-ยอมรับด้วยฝีมือ ยกให้ เฮนริค ลาร์สสัน

ลาร์สสัน จะคล้ายกับ เอดินสันคาวานี่ คือเข้ามาด้วยสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีของทีมพอดี

กระสุนเงินของปิศาจแดงร่อยหรอไป เพราะทั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับ อลัน สมิธ ต่างบาดเจ็บ แถมไม่มี รุด ฟาน นิสเตลรอย จอมถล่มดากอยู่ให้ใจชื้นแล้วด้วย

ไป ๆ มา ๆ การลงสนามเพียงไม่ถึง 20 นัด (13 นัดทั้งฤดูกาล) เขากลับสร้างประโยชน์ และเป็นตัวอย่างแห่งมืออาชีพได้มาก

คาวานี่

เป็นเหมือนพ่อพระที่ทำให้เด็กมันดูว่า ทำให้ดีมันไม่ได้ทำยาก

-ด้วยผลผลิตบนผืนหญ้า ไม่อาจเป็นใคร นอกจาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิซ

ซลาตัน ยิงกระจายน้ำแตกแหลกเหลวถึง 28 ประตู ทั้งที่เครื่องจักรผลิตแอสซิสต์รอบตัวเขาก็ไม่ค่อยมี

อยู่ในสภาพทรัพยากรที่หรอมแหรมเหมือนกันสำหรับทั้ง เอดินสันคาวานี่ และ ซลาตัน

บุคลิกของเวิลด์คลาสสัญชาติสวีดิช อาจจะไม่เป็นกันเองมากนัก

แต่จำนวนประตู และชัยชนะที่สร้างไว้ให้คลับปิศาจ ทำให้เป็นที่ยำเกรงไปเองแบบอัตโนมัติ

-ออกจากโรงละครแห่งความฝันแบบเหงา ๆ ก็คงเป็น ราดาเมล ฟัลเกา

เขาเอาเวลาในสีเสื้อ ยูไนเต็ด ไปใช้พักฟื้นอาการบาดเจ็บที่เข่า ไม่ได้พร้อมสมบูรณ์เหมือน ลาร์สสัน

แถมผลงานก็ไม่ได้น่าบูชาเหมือน ซลาตัน ดังนั้นการกลับไปเงียบ ๆ นั้น เจ็บน้อยที่สุดแล้ว

เอดินสันคาวานี่ มีตัวอย่างมากมายจากคนที่มาปักธงชัยกลาง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนเขา แต่เขากำลังจะมีภาษีดีที่สุดจาก 3 คนด้านบน

เสริมสร้างประสบการณ์ให้น้อง ๆ เหมือน ลาร์สสัน, ระเบิดประตูในเวลาสำคัญเหมือน ซลาตัน แถมไม่ได้มาพำนักพักฟื้นออด ๆ แอด ๆ แบบ ราดาเมล ฟัลเกา

เขามีอีกหนึ่งฤดูกาลที่จะได้พิสูจน์ว่า ลายเซ็นที่จรดลงไปในสัญญานั้นมันสมควรแล้ว

ปากกาที่เซ็นอาจจะมูลค่าไม่แพง เท่าความคาดหวังของกลุ่มเพื่อนปิศาจทั่วโลก

อาจไม่สมเหตุสมผล ถ้าเกิดคลับอสูร เกิดได้กองหน้าพระกาฬ มากะซวกเมนูหลักที่ชื่อว่า ตาข่าย แล้วมีเหตุจำเป็นต้องส่งเจ้าชายอุรุกวัย จมปลักอยู่ซุ้มสำรอง นั่งตำหมากสลับตำหมอย

แต่ถ้าเอาจากที่ร่ายมาด้วยทฤษฎีสมคบคิดแล้วเนี่ย เชื่อว่าเขายังมีประโยชน์