เมื่อพูดถึงปราการหลังที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในแดนผู้ดีอยู่ในเวลานี้คงหนีไม่พ้น เบน ไวท์ ปราการหลังจาก ไบรท์ตัน ที่เคยตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของ ลิเวอร์พูล และถูกยกให้เป็นอนาคตของทีมชาติอังกฤษ

เบน ไวท์ เพิ่งจะได้รับโอกาสครั้งสำคัญ ในชีวิตการค้าแข้งเมื่อถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวติดทีมขาติอังกฤษสู้ศึกยูโร 2020 เสียบแทนโควต้าของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาจาก ลิเวอร์พูล ที่มีอาการบาดเจ็บต้องถอนตัวออกไป นั่นจึงทำให้ดาวเตะวัย 23 ปีจะได้ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์รายการใหญ่เป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้  ไวท์ ถือเป็นนักเตะที่ต้องฝ่าฟัน อุปสรรคมาพอสมควร โดยเจ้าตัวเริ่มเข้าสู่เส้นทางลูกหนังจากการเข้าอะคาเดมี่ของ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งเขาก็ทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อที่จะขึ้นไปติดทีมชุดใหญ่ให้ได้ แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จจนโดนปล่อยออกจากทีมในปี 2014 ยังดีที่ตอนนั้น ไบรท์ตัน รับเขาไปปลุกปั้นต่ออย่างรวดเร็ว

ภายในระยะเวลาเพียงสองปี เท่านั้น ไวท์ ก็สามารถพัฒนาฝีเท้า ได้แบบก้าวกระโดดถูกเรียกตัวติดทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2016 สมัยที่ “นกนางนวล” ยังเล่นอยู่ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ แต่ในปีแรกเขาแทบไม่ได้รับโอกาสลงเล่นจนถูกปล่อยให้ นิวพอร์ต เคาน์ตี้, ปีเตอร์ โบโร่ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตามลำดับ ซึ่งสโมสร “ยูงทอง” นี่เองที่ทำให้เขาเริ่มสร้างชื่อ ให้เป็นที่ประจักษ์มายิ่งขึ้น

จนกระทั่งฤดูกาล 2019-20 เมื่อเจ้าตัวมาอยู่กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เขาก็สามารถเรียกฟอร์มเก่งและเป็นขุนพลเอกของทีมได้ทันทีโดยลงเล่นไปถึง 46 นัด ทำได้ 1 ประตูมีส่วนสำคัญช่วยทีมกลับขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี

แน่นอนว่าจากผลงานดังกล่าวนั้นทำให้ ลีดส์ ต้องการที่จะคว้าตัวมาร่วมทีม เป็นการถาวร แต่สุดท้ายเขาก็ถูกต้นสังกัดอย่าง ไบรท์ตัน เรียกตัวกลับไปช่วยทีมอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็ยังทำผลงานส่วนตัวได้น่าประทับใจแม้ว่าทีมจะต้องดื้นรนหนีการตกชั้นก็ตาม พร้อมกับทำให้เขากลายเป็นแข้งเนื้อหอม มีหลายทีมยักษ์ใหญ่แสดงความสนใจ

สำหรับสไตล์การเล่นของ ไวท์ นั้น เขาเป็นกองหลังที่มีความเร็ว, นิ่ง และเข้าสกัดบอลได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมีทักษะและเทคนิคดีด้วย ส่งผลให้สามารถดันขึ้นไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ได้อย่างสบายๆ

ขณะเดียวกันเขายังสามารถ พาบอลขึ้นไปเองได้ดีอีกด้วย ทำให้สามารถเพิ่มมิติในการเล่นสวนกลับเร็ว โดยเจ้าตัวถูกยกย่องว่า มีสไตล์การเล่นเหมือนกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตปราการหลัง ทีมชาติอังกฤษ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลยทีเดียว

ในศึกยูโรครั้งนี้แม้ว่า ไวท์ จะยังใหม่กับทีมชาติและ อาจไม่ได้เป็นตัวหลักให้กับทีมชุดนี้ แต่นี่ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่เขามีโอกาสที่จะยกระดับผลงานตัวเองขึ้นไปอีกขั้นเพื่อจะกลายเป็นอนาคตของทีมชาติอังกฤษต่อไป