มือไวใจเร็วสักชิ้นหนึ่งครับ

อยากชำแหละแนวคิดของ แกเร็ธ เซาธ์เกต สักหน่อย รู้สึกว่าเขาคิดเหมือนจะไม่ลึก แต่ก็ลึกแบบแปลก ๆ

ส่วนตัวเชื่อว่าบทเรียนจากฟุตบอลโลกหนก่อน ทำให้ อังกฤษ จำเป็นต้องแข็งแกร่งกว่าเดิมให้ได้ ด้วยตัวเอง

และตลอดทั้งเกมสิ่งที่แข็งแกร่งสิ่งแรก ที่เข้าตากระผมก็คือ ความอดทน

ทีมชาติอังกฤษ อดทนกว่าที่เคยเป็น ที่เคยเข้าใจ ที่เคยตีตราภาพจำไว้มาก ๆ

อังกฤษ

เหมือนส่วนผสมเครื่องปรุงหลักที่ เซาธ์เกต เลือกส่งลงไปลับมีด โครเอเชีย คือซื้อความอดทนจากทุกคนมารวมกัน

ไล่ตั้งแต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ก็ยังได้นะ เพราะเขาอดทนต่อคำด่ามาตลอดว่า เขาไม่ใช่เวิลด์คลาส

ที่เห็นความอดทนที่ชัดหน่อยคือ เดแคลน ไรซ์ กับ คาลวิน ฟิลลิปส์ ที่เขาใช้พื้นที่การเป็นสมบัติแห่ง ทรี ไลออนส์ ได้คุ้มค่าทุกนาทีดูทีวีสีช่องอะไรสักช่อง

เดแคลน ไรซ์ อดทนลงไปเล่นตำแหน่งที่ไม่ชอบอยู่ตลอดทั้งเกม แต่เขาก็ยืนจิ้มจุ่ม ผสานบอลสั้นให้กับ ไทโรน มิงก์ส และ จอห์น สโตน ได้อย่างไม่เคอะเขิน

คาลวิน ฟิลลิปส์ คือไพ่เด็ดของกุนซือสุดหล่อคนนี้จริง ๆ บทบาทบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ที่ มาร์เชลโล่ บิเอลซ่า ป้อนให้เขาใช้ตลอดปีกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด

กระเทาะออกมาในเกมนี้โคตรชัด ชัดจนคิดว่าเขาอยู่ในสมรภูมิสงครามดอกไม้อยู่

เหมือนเป็นแมปใหม่ที่ โครเอเชีย ไม่ได้ป้อนสถิติเอาไว้ ดังนั้นการคำนวณการจับตัวประกบของแผงกลางพวกเขาเลยดูหลวมไปทันที ทั้งที่ไม่ได้หลวมนะ แต่ คาลวิน แม่งไปเรื่อยจริง ๆ

คีแรน ทริปเปียร์ และ ไคล์ วอล์กเกอร์ เองก็อดทนกับการขึ้นเกมไม่ถึงพื้นที่ที่สามของสนาม จะมีขึ้นบ้างถ้าเกิดคู่แข่งลงไปแพคเกมรับ

อดทนไปถึงกองหน้าเลย แฮร์รี่ เคน อยู่กับความหวังว่าบอลจะมาถึงเขาอยู่ตลอด และพอมาถึง ก็สร้างประโยชน์ เรียกฟาวล์ หรือกินพื้นที่ให้เพื่อนได้

เช่นเดียวกับ ราฮีม สเตอร์ริ่ง ที่ถูกฟูมฟักมาตลอดฤดูกาลจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ว่าถ้ามึงไม่แน่จริง มึงจะโดนดองเป็นตัวเลือกแรก ๆ ทีนี้ทุกโอกาสที่ได้จึงเป็นโอกาสทองของเขาตลอด

อังกฤษ

จนส่ง กาเบรียล เฆซุส หรือ ริยาด มาห์เรซ ไปนั่งเก้าอี้สำรองได้หลายเกม

เกมนี้เขาได้โอกาสค่อนข้างเยอะที่จะพิสูจน์ตัวเอง เลยได้เห็นความใจกว้าง ที่เป็นสับเซ็ตของความอดทนแฝงอยู่อีกตลบ ถูกปล่อยออกมา-เขาไม่ค่อยหวงบอลเท่าไหร่

สิ่งที่สองที่ทำให้ อังกฤษ ชนะได้ไม่ยากกว่าที่คิดไว้คือ โครเอเชีย เขาเหมือนเดิม ในความไม่เหมือนเดิม

เหมือนเดิมคือการจัดตัวผู้เล่นจากเวิลด์ คัพ หนก่อน แต่ไม่เหมือนเดิมที่ผู้เล่นบางคนเล่นได้ไม่พีกเท่าวันนั้นแล้ว

ลูก้า โมดริช ที่ว่าแน่ ๆ พอโดนบีบตาย 2 หน่วยทีไรออกบอลไม่ได้เปรียบ แถมเพื่อนยังลงมารองรับให้เขาไม่ทัน

ทำให้บอลไปถึงแดนหน้าได้ยากหน่อย แม้ว่าครึ่งหลังจะดีขึ้นก็ตามเถอะ

แนวรุกก็มีรูปแบบเข้าทำที่เหมือนเดิม อันเต้ เรบิช หรือ อิวาน เปริซิซ เหมือนหมดมุก พอมาเจอกำแพงโย่ง ๆ เข้าหน่อยสเต็ปครองบอลดูแหยง ๆ พิลึก

และข้อสุดท้ายที่เชื่อว่าเป็นกุญแจสำคัญของเกมนี้คือ การเล่นในบ้านของตัวเอง

แฟนบอลให้ความเคารพต่อฟุตบอลในประเทศมาก ๆ ไม่มั่วแต่ทั่วถึง ทุกสารทิศที่เข้าเชียร์ได้ ก็เข้ามาเยอะเหลือเกิน

ที่อยู่ข้างนอกก็แรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม ขนาด เจสซี่ ลินการ์ด ที่ควรจะเหงาที่ไม่มีชื่อติดธงรบ แต่เขายังไปนั่งดริงก์แดร๊งดรั๊ง ดูเพื่อนชิล ๆ สร้างพลังนอกสนามอีก

ลินการ์ด ควรจะน้อยใจโชคชะตาตัวเองได้ เพราะยูโรหนหน้าเขาอายุแตะ 32 แล้ว โอกาสพีกของเขาคงทะลุปล้องยากเต็มทน

เอาเป็นว่าเกมนี้ทีมชาติอังกฤษ มีความน่าสนใจที่แก้เผ็ดคู่ปรับ อย่าง โครเอเชีย ลงได้ เป็นผลสอบที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน

จะได้เครดิตหน่อย ที่ทำให้ โครเอเชีย กลายเป็นทีมที่ไม่มีอะไร ลดดีกรีรองแชมป์โลกออกไปเสียสนิทใจ

แต่มันมีคำถามอยู่พอควรนะ

ฟุตบอล อิส คัมมิ่ง โฮม อาจจะพอเป็นไปได้

แต่ถ้าเลือกได้ก็อยากเห็นแท็คติกที่หลากหลายของ แกเร็ธ เซาธ์เกต แค่นี้มันดูหรอมแหรมเกินคำว่า ทีมชาติอังกฤษ ที่จะลุ้นแชมป์

เหมือนเอาเคมีของแต่ละคนที่อินพุทจากต้นสังกัด มาหลอมให้เป็นเทียนพรรษา พุ่งเข้าใส่คู่แข่งแบบทื่อ ๆ

อยากจะบินหลาในเวมบลีย์จนถึงวันสุดท้าย ต้องเท่กว่านี้อีกเยอะเลย

หรือถ้าบินไม่ขึ้น ลองมาซื้อรองเท้าแตะของ แอโร่ซอฟต์ เขาก่อนมั้ย?