แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพบกับฤดูกาลแห่งคำว่า พระรอง อย่างแท้จริงเมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับ บียาร์เรอัล ในการดวลจุดโทษ 11-10 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ชวดแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ไปอย่างน่าเสียดาย

สำหรับความพ่ายแพ้ในเกมส์ ฟุตบอล ครั้งนี้ยังถือเป็นเรื่องที่สุดแสนเจ็บปวดสำหรับ โอเล่  กุนนาร์ โซลชา ที่ไม่สามารถนำแชมป์ใบแรกของเขาในฐานะกุนซือ  ผีแดง กลับไปตั้งตระหง่านที่ตู้โชว์ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

 แม้นี่คือความเศร้าและน่าผิดหวังสำหรับสาวก  เร้ด อาร์มี่ แต่มันอาจเป็นสัญญาณที่ดีที่กระตุ้นให้ขุนพล  ปีศาจแดง ฮึกเหิมสำหรับฤดูกาลใหม่ เพราะหากทีมมีการเสริมทัพที่ดี งานนี้อาจจะได้เห็นอะไรเด็ดๆ จาก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้

1. คาวานี่ คู่ควรอยู่ช่วยแมนยูล่าแชมป์

ฟุตบอล
ฟุตบอล

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เอดินสัน คาวานี่ เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างน้อยอีก 1 ฤดูกาล เพราะผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาแบบนี้ บอกได้เลยว่ามีประโยชน์กับทัพ “ผีแดง” ในซีซั่นหน้าอย่างมาก

    ด้วยวัยเข้าหลักสามแต่สภาพร่างกายยังคงแข็งแกร่ง สามารถวิ่งหาพื้นที่ว่างเพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเองได้ดี และยังใช้ประสบการณ์ในการกดดันเกมรับ บียาร์เรอัล ได้ตลอด จะเห็นได้ว่าเวลาที่ “เอล มาทาดอร์” ได้บอล แข้ง “เรือดำน้ำสีเหลือง” มักจะเกิดอาการระส่ำระส่ายเลยทีเดียว

    สำหรับจังหวะที่ยิงประตูตีเสมอ แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณการเป็นหน้าเป้าของ คาวานี่ ด้วยสายตาที่เฉียบคม และความว่องไวในการตามเก็บบอลจังหวะสอง ถือเป็นสิ่งที่ “หน้าเป้า” ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้ไม่มีเลย

น่าเสียดายที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เมสัน กรีนวู้ด ไม่สามารถประสานงานกับ คาวานี่ ได้ลงตัวเหมือนหลายๆ เกมที่ผ่านมา ทำให้ประสิทธิภาพในเกมรุกของ แมนฯ ยูฯ ลดทอนลงไปเยอะ 

    อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ คาวานี่ เล่นยังกับหนุ่มวัยกระทงอายุ 24 ปีไม่ใช่ 34 ปี ต่างจาก แรชฟอร์ด กับ กรีนวู้ด ที่ฟอร์มอืดมากๆ ที่สำคัญ ยอดแข้งชาวอุรุกวัย ซัดไปแล้ว 5 ประตูจาก 5 เกมในยูโรปา ลีก และรวมเบ็ดเสร็จทุกรายการซัดเบาๆ 16 ประตู 

 ดังนั้นเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมที่ คาวานี่ ขยายสัญญาอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และเชื่อว่าเขาจะช่วยนำประสบการณ์และความสามารถที่ล้นเหลือในการประคับประคองรุ่นน้องอีกหลายๆ คนให้พัฒนาการเล่นมากยิ่งขึ้น 

2. มีปัญหากับลูกตั้งเตะเหมือนเดิม

การที่ทีมขาด แฮร์รี่ แม็กไกวร์ คุมแนวรับเป็นเรื่องเสียหายหลายแสนจริงๆ เพราะปกติเวลาที่มีกัปตันทีม “ผีแดง” ยืนเซนเตอร์แบ็ก ทีมก็มีปัญหาเรื่องลูกตั้งเตะ ยิ่งไม่มีเขาอยู่ในทีมปัญหานี้ยิ่งหนักหนาสาหัสจริงๆ

    เรื่องการรับมือกับลูกเซตพีซของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ถือว่าย่ำแย่มากๆ และนั่นจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเลยที่ “เร้ด เดวิลส์” ต้องเสียประตูจากการโดนเล่นงานด้วยลูกฟรีคิกของ บียาร์เรอัล

    แท็กติกของ อูไน เอเมรี่ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเน้นเกมตั้งรับ และรอหาโอกาสจากลูกตั้งเตะ ซึ่งก็มาประสบผลสำเร็จ เพราะจังหวะที่ ดานี่ ปาเรโฆ่ เปิดบอลโค้งเข้าไปแทบไม่อันตรายเลย แต่เป็นการซ้อมมาอย่างดีเพราะ เคราร์ด โมเรโน่ วิ่งหนีตัวประกบก่อนขึ้นโหม่งระหว่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เอริค ไบยี่ เข้าประตูไปง่ายๆ

ฟุตบอล
ฟุตบอล

อย่างไรก็ตามจะโยนบาปให้ ลินเดอเลิฟ กับ ไบยี่ ก็ไม่ได้ เพราะตอนที่ แม็กไกวร์ อยู่แดนหลังเขาก็มักจะพลาดในการรับมือลูกฟรีคิกอยู่หลายครั้ง ยกตัวอย่างในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน, เอซี มิลาน และรอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ ที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นต้น

    ฉะนั้นนี่คือโจทย์ข้อใหญ่ที่เป็นการบ้านสำคัญของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และทีมสตาฟฟ์ ในการที่จะต้องแก้ไขปัญหาการรับมือลูกเซตพีซ และหนึ่งในทางแก้ที่น่าจะรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือการซื้อเซนเตอร์แบ็กชั้นดีมาร่วมทีม

3. เอเมรี่ ประกาศศักดาความเป็นเจ้าพ่อยูโรปา

สำหรับ ฟุตบอล ถ้วยใบเล็กยุโรปหลายคนอาจจะมองข้าม แต่สำหรับ อูไน เอเมรี่ มันคือโทรฟี่ที่มีความสำคัญ และท้าทายอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันคือใบเบิกทางสู่การเข้าไปเล่นศึก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วย

    ต้องยอมรับว่า บียาร์เรอัล ชุดนี้มีขุมกำลัง และคุณภาพทีมสู้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้จริงๆ แต่สิ่งที่พวกเขามีเหนือกว่า “ผีแดง” ก็คือมันสมองของ เอเมรี่ ไม่ใช่ โซลชา ไม่เก่ง เพียงแต่ กุนซือชาวสแปนิช ผ่านประสบการณ์โชกโชนในเกมนัดชิงแบบนี้มาเยอะมาก

    จะเห็นได้ว่าแท็กติกของ เอเมรี่ เน้นการประคองเกม และใช้ทีมเวิร์กในการสู้กับ แมนฯ ยูฯ โดยพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเป็นรองเรื่องความสามารถเฉพาะตัวและความเร็ว แต่การตัดผู้เล่นสำคัญอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส  และ ปอล ป็อกบา ไม่ให้ทำเกมได้สะดวก ทำให้เกมบุกของ “เร้ด เดวิลส์” ตื้นไปเลย 

อูไน เอเมรี่

ขณะที่แบ็กทั้งสองฝั่งไม่เปิดโอกาสให้ กรีนวู้ด กับ แรชฟอร์ด ได้โชว์ความเร็วที่เป็นจุดเด่นของพวกเขา โดยเฉพาะ “หนูแรช” บอกเลยว่าแทบหายไปจากเกม ความเร็วของเขาเล่นงานเกมรับ “เยลโล่ ซับมารีน” ไม่ได้เลย

    แน่นอนว่าประสบการณ์ของกุนซือคือหนึ่งในประเด็นสำคัญในแมตช์นี้ การผ่านเข้าไปเล่นเกมนัดชิง ยูโรปา ลีก 5 ครั้งในรอบ 7 ปี (รวมซีซั่นนี้ด้วย) และคว้าแชมป์ได้ 3 สมัยติดต่อกัน (เซบีย่า ซีซั่น 2013/14, 2014/15, 2015/16) พลาดแค่ครั้งเดียว (อาร์เซน่อล ซีซั่น 2018/2019) เป็นเครื่องยืนยันว่า นี่คือโทรฟี่ของ เอเมรี่ อย่างชัดเจน 

    งานนี้ลองถามแฟนบอล อาร์เซน่อล สนใจอยากชวน เอเมรี่ กลับมาทำงานตำแหน่งเดิมหรือเปล่า เพราะอย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีลุ้นความสำเร็จมากกว่า มิเกล อาร์เตต้า

4. อัลบิโอล คีย์แมนสำคัญบียาร์เรอัล

อัลบิโอล

ไม่มีใครปฏิเสธว่าความสำเร็จของ บียาร์เรอัล มาจากการเล่นเป็นทีมเวิร์ก และช่วยกันสกัดกั้นไม่ให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปั้นเกมรุกที่ถนัดได้ แต่หนึ่งในคีย์แมนที่ทำให้เกมของพวกเขาเหนียวแน่นก็คือ ราอูล อัลบิโอล ปราการหลังมากประสบการณ์

    ดาวเตะวัย 35 ปีผ่านประสบการณ์ลูกหนังมาอย่างโชกโชนทั้งกับ “ไอ้ค้างคาว” บาเลนเซีย, “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด และ นาโปลี เป็นต้น ฉะนั้นเรื่องความนิ่ง และการอ่านเกมของเขาไม่เป็นสองรองใคร 

 จะเห็นได้ว่า อัลบิโอล มีสภาพร่างกายที่ฟิตมากๆ เขาสามารถสู้กับแนวรุกรุ่นกระทงอย่าง แรชฟอร์ด กับ กรีนวู้ด ได้อย่างแข็งแกร่ง การเป็นผู้นำ และการอ่านเกมที่สุดยอดทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเล่นเกมที่ตัวเองถนัดได้เลย

    งานนี้ก็คงไม่ต้องแปลกใจที่่แฟนบอล “เยลโล่ ซับมารีน” จะซูฮกความสุดยอดของ อัลบิโอล เพราะนี่คือหนึ่งในผู้เล่นที่นำความสำเร็จมาสู่สโมสรอย่างแท้จริง

5. โซลชา ยังต้องรอความสำเร็จกับแมนยูต่อไป

โซลชา ยังคงต้องรอคอยการนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์รายการแรกในฐานะผู้จัดการทีม ต่อไป เพราะนี่เป็นโอกาสทองของเขาที่จะสร้างชื่อให้กับตัวเอง แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นพระรองอยู่ดี

    ก็อย่างที่รู้กๆ กันอยู่ “น้าลูกอม” ประสบความสำเร็จมากมายสมัยที่เป็นนักเตะให้ “ปีศาจแดง” โดยเฉพาะไฮไลท์สำคัญคือการเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ซัดประตูชัยชนะ บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และช่วยให้ทีมเขียนประวัติศาสตร์ในฐานะสโมสรที่คว้า “ทริปเบิ้ลแชมป์” ได้อย่างยิ่งใหญ่ในปี 1999 

    การนำทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ โดยมี เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรมาจารย์ที่สอนสั่งแท็กติกในการวางหมาก นั่งอยู่ในสนามสตาดิโอน เอเนอร์ก้า กดังส์ค เพื่อเป็นสักขีพยานในการได้เห็นลูกศิษย์ก้นกุฏิประสบความสำเร็จ มันเป็นอะไรที่ซาบซึ้งสุดๆ สำหรับ โซลชา และบรรดาแฟนผีโปรเจกต์

โซลชา

แต่ฉากที่แสนสุขสันต์เคล้าน้ำตามันไม่เกิดขึ้น แต่กลายเป็นภาพที่สุดเศร้าน้ำตารินแทน และความสำเร็จในฐานะกุนซือ “ผีแดง” ของ โซลชา ยังคงเป็นเส้นขนานต่อไป เพราะการได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีก กับรองแชมป์ยูโรปา ลีก มันไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าการเกยทับบลัฟแหลกของแฟนบ่อยเท่านั้น 

ฤดูกาลหน้าหาก โซลชา มีการเสริมทัพที่แข็งแกร่ง และได้ตัวผู้เล่นที่เขาต้องการทั้งเซนเตอร์แบ็ก, ปีก และหน้าเป้า ผสมกับการวางแท็กติกที่แยบโยลมากยิ่งขึ้น งานนี้ “น้าลูกอม” อาจจะได้เห็นโทรฟี่สีเงินมันวาววิบวับอยู่ในมือของเขาก็ได้