‘ท่าเรือ’ ลุ้นปรับแพ้-แข่งใหม่ เตรียมเข้าคณะวินัย 7ต.ค. นี้

ความคืบหน้าจากที่เกิดเหตุหม้อแปลงระเบิดที่แพท สเตเดียม เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ก่อนที่การแข่งขันระหว่าง “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี กับ “กิเลนผยอง”​ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จะเริ่มขึ้น 20 นาที และไม่สามารถแก้ไขปัญหาไฟฟ้าได้ จนผู้ควบคุมการแข่งขันต้องสั่งยกเลิกการแข่งขันไปนั้น

โดยเหตุนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นกับการท่าเรือ เอฟซี ในฤดูกาลนี้ หลังจากที่เคยเกิดเหตุเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่พบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ซึ่งไฟดับในนาทีที่ 88 ระหว่างเสมอกันอยู่ 1-1 ทำให้ถูกปรับแพ้ 0-2 และปรับเงินอีก 50,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถ้ายึดตาม ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ วินัย มารยาทสมาคมฯ พ.ศ. 2559 แก้ไขเพิ่มเติม (ครั้งที่ 6) พ.ศ. 2563 ในข้อที่ 5.1.7 ที่ระบุว่า “องค์กรสมาชิก มีความบกพร่องไม่อาจใช้สถานที่จัดการแข่งขันของตน จัดการแข่งขันในวันที่กําหนดได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใด จะลงโทษปรับแพ้ ทั้งต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายตามที่เกิดขึ้นจริงกับสมาคม” จะมีโอกาสทำให้การท่าเรือถูกลงโทษแบบเดิมอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังมี “ระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ รายการ “ไทยลีก” พ.ศ.2563 บทที่ 4 ข้อ 20.3 ระบุว่า “ในกรณีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นก่อนทําการแข่งขัน โดยมิใช่การกระทําความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น ไฟฟ้าส่องสนามดับ เพราะฟ้าผ่าทําให้ระบบไฟฟ้าเสียหาย หรือฝนตกหนักทําให้มีน้ำท่วมขังสนามมากเป็นต้น ซึ่งแต่ละกรณีที่เกิดขึ้นได้ ล่วงเลยเวลาเริ่มการแข่งขันไปนานกว่า 60 นาทีแล้ว ซึ่งผู้ตัดสิน เห็นว่าแต่ละกรณีไม่สามารถทําการแข่งขันได้ และแจ้ง ให้ผู้ควบคุมการแข่งขันเลื่อนการแข่งขันออกไป โดยให้ทําการแข่งขันในวันกลางสัปดาห์ถัดไปที่เหมาะสม หรือวันเวลา อื่นตามที่ ฝ่ายจัดการแข่งขัน กําหนด ส่วนค่าใช้จ่ายให้เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ” ก็เป็นช่องทางให้เลื่อนการแข่งขันได้

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง “แชมป์” นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานบริษัท ไทยลีก จำกัด ถึงกรณีดังกล่าว ได้รับคำตอบว่า เรื่องนี้ก็จะต้องเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการพิจารณาวินัยและมารยาท โดยมี พล.ต.ท อำนวย นิ่มมะโน เป็นประธานในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะต้องรวมรวมเอกสาร พยาน หลักฐาน ต่างๆ เหมือนครั้งก่อน

นายกรวีร์ กล่าวว่า จะต้องดูเหตุและผลว่าเกิดจากอะไร ตอนนี้ก็รวบรวมข้อมูลจากทางการไฟฟ้านครหลวง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ, ผู้ควบคุมการแข่งขัน เอกสารต่างๆ รวมถึงเชิญสโมสร การไฟฟ้านครหลวง มาให้ข้อมูล ส่วนการตัดสินจะต่างกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยาน-หลักฐานต่างๆ อยู่ที่คณะกรรมการจะตัดสินอย่างไร แต่ยืนยันว่าเราให้ความเป็นธรรมกับทุกสโมสรแน่นอน

“ตามระเบียบแล้วบทลงโทษคล้ายๆ กัน เพราะว่าไม่สามารถทำการแข่งขันได้ จริงอยู่ที่เป็นก่อนเกม แต่ถ้าเป็นแบบฝนตก, น้ำท่วม หรือพายุเข้า มันเป็นเคสสุดวิสัย เป็นเหตุให้เลื่อนการแข่งขันออกไป แต่กับเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่จากฝนตกหรือพายุเข้า ดังนั้นก็ต้องดูว่าจะตัดสินออกมาอย่างไร”

นายกรวีร์ กล่าวปิดท่ายว่า ถ้าจะเลื่อนโปรแกรมการแข่งขันก็ต้องดูว่าจะเลื่อนไปช่วงใดได้บ้าง แต่การจะลงในช่วงฟีฟ่าเดย์เดือนนี้ อาจจะต้องถามอากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชทีมชาติไทยก่อน ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ เพราะมีการเรียกตัวนักเตะสำหรับเก็บตัวทีมชาติมาแล้ว